บทความดีๆ วิธีช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กินเกินพอดี สำหรับเด็กๆ
แบ่งอาหารที่ลูกรับประทานใส่จานเล็กให้ลูก เพื่อให้ลูก ๆ รู้สึกว่า อาหารตรงหน้านั้นช่างเยอะเสียจริง (เพราะมันพูนจานเล็ก ๆ ของเขาเลย)- บรรจุอาหารที่รับประทานไม่หมดลงในกล่องขนาดพอเหมาะหลาย ๆ กล่อง ในปริมาณที่พอดีสำหรับการรับประทานเป็นมื้อ ๆ ในโอกาสต่อไป จะดีกว่าการใส่รวมในหม้อขนาดใหญ่ (เพราะเวลานำมาอุ่นแล้วตัก จะกะปริมาณได้ไม่แน่นอน)
- รับประทานอาหารช้า ๆ และควรมีผัก-ผลไม้ร่วมโต๊ะด้วย
- หากไปรับประทานอาหารขยะ แล้วพบว่ามีโปรโมชันบวกเงิน 5 – 10 บาท เพื่อให้ได้เซ็ตที่ใหญ่ขึ้น ขอให้คุณพ่อคุณแม่เลือกเก็บเงินเอาไว้ดีกว่าซื้อ “แป้ง-ไขมันเพิ่มขนาด” ให้ลูกรับประทาน
บทความ สังเกตสักนิด ว่าคนข้างกายคุณ เป็นคนแบบไหน
- กีฬาสุดโปรด ผู้ชายที่ชอบกีฬาที่เล่นคนเดียว มักจะชอบความเป็นอิสระ และมีความสุขที่จะใช้เวลาอยู่คนเดียวค่อนข้างมาก ส่วนผู้ชายที่ชอบกีฬาฮิต ๆ อย่างฟุตบอลหรือบาสเกตบอล มักเป็นคนชอบการแข่งขันและชอบอยู่กับเพื่อน ๆ ส่วนผู้ชายที่ไม่ชอบกีฬาเลย แสดงว่าเป็นคนมีความคิดอิสระและค่อนข้างอ่อนไหว
- เครดิตการ์ดหรือเงินสด? หนุ่มที่ชอบใช้เครดิตการ์ด เป็นพวกที่ต้องการความนับหน้าถือตาในสังคม ทะเยอทะยาน แต่ก็เป็นคนมั่นใจ และต้องไขว่คว้าให้ถึงเป้าหมายทางการเงินของเขา ถ้าเขาชอบจ่ายแต่เงินสด ก็แสดงว่าเขาเป็นคนพอเพียงในตัวเองและชอบความเป็นอิสระ ซึ่งอาจเป็นคนที่ยากจะต้อนให้จนมุมมากกว่า
- สไตล์การสื่อสาร ถ้าหนุ่มที่คุณเดตด้วยชอบอีเมล์หาคุณมากกว่าโทรหา เขาอาจเป็นคนที่เข้าถึงได้ยาก เนื่องจากเขาเลือกวิธีการสื่อสารที่สามารถปรับแต่งคำพูดทุกอย่าง กว่าจะผ่านมาถึงคุณได้ ซึ่งอาจสื่อว่าเขาไม่อยากแสดงให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาสักเท่าไหร่ ส่วนหนุ่มที่ชอบส่งข้อความ แสดงว่าต้องการความสนใจจากคุณตลอดเวลา และต้องการให้แน่ใจว่าคุณจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ ส่วนหนุ่มที่ชอบใช้การโทรหา เขาอาจเป็นหนุ่มหัวโบราณหน่อย ๆ แต่ก็ไม่กลัวความใกล้ชิดสนิทสนม
- เขาปาร์ตี้แบบไหน ถ้า เขาเกาะกลุ่มอยู่แต่กับเพื่อน ๆ เขาก็อาจเป็นคนระวังตัวและค่อนข้างเข้มงวด เพราะฉะนั้น ก็อย่าคาดหวังที่จะได้อะไรที่แสนโรแมนติกจากเขาง่าย ๆ เลยเขาต้องการเวลากว่าจะออกจากเปลือกของตัวเองได้ ส่วนหนุ่มที่เป็นหัวโจกของทุกปาร์ตี้อาจจะอยู่ด้วยแล้วสนุก แต่การโหยหาความสนใจอยู่เสมอของเขาก็อาจหมายความว่าเขาต้องการการเอาใจใส่ ดูแลอย่างมาก และความต้องการของคุณก็อาจถูกละเลย
- เวลาขับรถเขาเป็นยังไง ถ้าเขาขับรถเร็ว แซงซ้ายแซงขวา และดูเหมือนพร้อมที่จะไปมีเรื่องกับคนอื่นบนท้องถนนอยู่เสมอ แสดงว่าเขาเป็นคนค่อนข้างก้าวร้าว ซึ่งนี่อาจทำให้เขาก้าวหน้าในการทำงานได้ แต่สำหรับชีวิตคู่แล้ว การรับมือกับเขาก็เหนื่อยหน่อยล่ะ แต่ถ้าเขาไม่เป็นอย่างนั้น ก็แสดงว่าเขามีแนวโน้มที่จะควบคุมตัวเองได้ดีกว่า
- เขาสั่งอะไรกินในร้านอาหาร หนุ่มที่ชอบกินอะไรซ้ำ ๆ เป็นหนุ่มที่มั่นคงและพึ่งพาได้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ค่อยสนุกสนานเท่าไหร่ แต่ถ้าเขาสั่งแต่เมนูใหม่ ๆ มาลิ้มลองอยู่เรื่อย ไม่ว่ามันจะอร่อยหรือเปล่า ก็แสดงว่าเขาเป็นคนชอบทำตามใจตัวเอง และอาจขี้เบื่อได้ง่ายกับสถานภาพในปัจจุบัน
- รายการทีวีสุดโปรด ถ้าเขาชอบดูแต่ชิตคอมขำ ๆ ก็แสดงว่าเขาชอบใช้อารมณ์ขันในการสลายความเครียด มันอาจเป็นเรื่องดี เพราะเขาจะไม่เก็บความขุ่นมัวต่อใครเอาไว้นาน แต่มันก็อาจจะยากที่จะคุยอะไรเป็นจริงเป็นจังกับเขา ซึ่งอาจทำให้หงุดหงิดได้พอกัน แต่คนที่ชอบรายการทีวีประเภท CSI จะเป็นคนช่างคิด และชอบวิเคราะห์ เขาภูมิใจในตัวเองที่มีความสามารถในการแก้ปัญหา และจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอเพื่อให้การสนับสนุน
- เขาถนัดซ้าย คนส่วนใหญ่มักจะถนัดขวา มันจึงอาจอ่านอะไรไม่ได้จากตรงนี้ แต่ถ้าเขาถนัดซ้ายนี่สิ ก็แสดงว่าคุณกำลังเจอกับคนที่เป็นศิลปินทีเดียว โดย เบ็ธ เดวิส ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Handanalyst.com อธิบายว่าเนื่องจากคนที่ถนัดซ้ายจะย่อยข้อมูลต่าง ๆ ทางซีกขวาของสมอง ซึ่งเป็นด้านของความคิดสร้างสรรค์
- เขาสนใจเรื่องรูปโฉมตัวเอง หนุ่มที่ส่องกระจกทุกครั้งที่เดินผ่านกระจกมักเป็นคนหลงตัวเอง แต่ก็เป็นสัญญาณบอกว่าเขาเป็นคนมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จด้วย หนุ่มที่ไม่ค่อยสนใจตัวเองอาจเป็นคนทะเยอทะยานน้อยกว่า และก็จะสัมผัสกับอารมณ์ได้ง่ายกว่าด้วย เพราะเขาไม่ผิวเผิน และสิ่งที่อยู่ภายในสำคัญต่อเขามากกว่าภายนอก
- วิธีการพูด ถ้าหนุ่มของคุณพูดเร็วเป็นรถด่วน เขาก็เป็นคนที่มีพลังงานสูง ทำอะไรฉับไว แต่อาจไม่ค่อยคิดใคร่ครวญมากนัก คนพูดเร็วจะสนใจกับการสร้างความประทับใจจนไม่ค่อยสนใจคนฟังเท่าไหร่ แต่คนพูดช้าจะชอบความปลอดภัยมากกว่า พวกเขาจะมองทุกอย่างให้ดีก่อนจะก้าวเดิน และคุณก็แน่ใจได้ว่าเขาหมายถึงอะไรเวลาพดออกมาแต่ละคำ
เกร็ดน่ารู้ ข้อควรทำ เมื่อทะเลาะกับคนข้างกาย
เมื่อมีเหตุให้ต้องทะเลาะกัน ลองวิธีนี้อาจได้ผล
- ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ทะเลาะด้วย หรือพูดง่ายๆ มีสติตั้งมั่นตั้งค่ายให้แข็งแรง อย่าให้อารมณ์โกรธปะทุออกไปได้ ต้องนิ่ง อดทนต่อคำเสียดสีต่อว่า
- ใช้ปัญญาวิเคราะห์แจกแจงว่าอีกฝ่ายโกรธด้วยเหตุผลกลใด เพราะบ่อยครั้งที่โกรธก็มาจากเหตุ “เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง” คือ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือ “ตีความผิด” หรือ “เข้าใจผิด” การค้นหาสาเหตุจะทำให้เราเอาใจเขามาใส่ใจเรา และพยายามทำความเข้าใจกับความไม่พอใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่า ควรเอามาเป็น “เรื่อง” หรือไม่
- ประเมินสถานการณ์ว่า จะพูดจาหารือกันได้หรือไม่ ถ้าได้ก็เอ่ยขอเลยว่า ขอเวลาสัก 2-3 นาที ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อทำความเข้าใจ และขอให้ฟังให้จบก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดอะไร ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการต่อว่าให้ร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง
- เปลี่ยนวิธีการหารือใหม่ หากพิจารณาสถานการณ์แล้วพบว่า อารมณ์ไม่เอื้ออำนวย พูดอย่างไรก็ไม่ได้ผล อาจกลายเป็นการ “ต่อความยาว สาวความยึด” ให้เปลี่ยนเป็น “เขียนให้อ่าน” แทน “คำพูดจา” เพราะการเขียนจะทำให้อธิบายได้ครบถ้วน ไม่หลุดประเด็น และการอ่านจะทำให้ผู้อ่านมีสติไตร่ตรองรอบคอบมากขึ้น
- ทอดอารมณ์เพื่อจะได้มีเวลาคิด เมื่อ อีกฝ่ายได้อ่านแล้ว ทิ้งช่วงเวลาสักวันครึ่งวันเพื่อให้อีกฝ่ายได้มีเวลาทบทวนขบคิดและอารมณ์ โกรธเบาบางลง เมื่อดูท่าทีอ่อนลงแล้วค่อยขอพูดคุยด้วยจิตไมตรี หลีกเลี่ยงการต่อว่าอีกฝ่ายหนึ่ง เน้นคำ “ขอโทษ” ถ้าหากทำให้เข้าใจผิด ใช้ความอ่อนน้อสอบความแข็ง ใช้เมตตานำทางฝ่าคลื่นมรสุม
- ปิดท้ายด้วยการเชิญชวนทำกิจกรรมสร้างสัมพันธ์ อาทิ ดูหนัง รับประทานอาหารกันนอกบ้าน ชอปปิ้งท่องเที่ยว ไปทำบุญ เป็นต้น เพื่อเปลี่ยนแปลงบรรยากาศและสร้างความใกล้ชิด หรือแม้แต่ “กิจกรรมพิเศษ” ตามประสาคู่ผัวตัวเมียก็ยิ่งดี เพราะถือเป็นการต่อท่อโดยตรงตามคำโบราณ “จิตประสานกายสัมพันธ์”